พระปิดตาเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ปี2536

รายละเอียดสินค้า

พระปิดตาเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ปี2536 ตลอดระยะเวลาการครองสมณเพศรวม 60 พรรษา พุทธศาสนิกชนทั่วไปต่างทราบกันดีว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) มีผลงานและคุณสมบัติต่างๆ เป็นที่ยกย่องเชิดชูมากมาย ทั้งในด้านการบริหารและด้านวิชาการ ตลอดจนเป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยศีลาจารวัตร งดงามด้วยการครองตน เปี่ยมไปด้วยเมตตาคุณ เป็นที่ยอมรับและเลื่อมใสศรัทธาแก่ทั้งพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนอย่างกว้าง ขวาง ปัจจุบัน พระเดชพระคุณ มีสิริอายุ 81 พรรษา 60 ดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ฯลฯ ชาติภูมิเดิม มีนามว่า เกี่ยว โชคชัย เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2471 ณ บ้านเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนบุตร 6 คน ของนายฮุ้ยเลี้ยน แซ่โหย้ (เลื่อน โชคชัย) และนางยี แซ่โหย้ (ยี โชคชัย) ครอบครัวประกอบอาชีพทำสวน ในช่วงวัยเยาว์ จบการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนประจำหมู่บ้าน และเตรียมตัวจะไปศึกษาต่อยังโรงเรียนในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี แต่แล้วท่านเกิดมีอาการป่วยไข้อย่างกะทันหัน ทำให้โยมบิดามารดา ต้องบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า หากบุตรชายหายจากป่วยไข้ จะให้บวชเป็นสามเณร ภายหลังปรากฏว่าบุตรชายหายป่วย จึงได้นำไปเข้าพิธีบรรพชา เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2484 ณ วัดสว่างอารมณ์ ต.บ่อผุด โดยมีเจ้าอธิการพัฒน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ทั้งนี้ ความตั้งใจเดิมคือ การบวชแก้บนสัก 7 วันจะลาสึกไปรับการศึกษาในฝ่ายโลก แต่เมื่อบวชแล้วได้เกิดเปลี่ยนใจ ไม่คิดจะลาสึกตามที่เคยตั้งใจไว้ โยมบิดามารดาจึงได้พาไปฝากกับหลวงพ่อพริ้ง (พระครูอรุณกิจโกศล) เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย เวลาต่อมา หลวงพ่อพริ้งได้นำไปฝากไว้กับอาจารย์เกตุ คณะ 5 ณ วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เริ่มต้นในเวลาไม่นาน กรุงเทพฯ ถูกเครื่องบินทิ้งระเบิด หลวงพ่อพริ้งจึงได้รับตัวพาไปฝากท่านอาจารย์มหากลั่น ต.พุมเรียง อ.ไชยา ครั้นเมื่อสงครามสงบลง หลวงพ่อพริ้งได้พากลับไปที่วัดสระเกศอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้น ท่านอาจารย์เกตุ ได้ลาสิกขาไปแล้ว หลวงพ่อพริ้ง จึงพาไปฝากไว้กับ พระครูปลัดเพียบ (ต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯสถาปนา เป็นพระธรรมเจดีย์ และเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ) สามเณรเกี่ยว ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก และสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค จนกระทั่งมีอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2492 ณ วัดสระเกศ โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก(อยู่ ญาโณทโย) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมวโรดม ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2497 สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ท่านได้เริ่มต้นงานด้านวิชาการและการบริหารคณะสงฆ์ พ.ศ.2494 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ต่อมา ได้เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง พ.ศ.2496 และเป็นกรรมการตรวจบาลีสนามหลวง พ.ศ.2497 ได้เป็นกรรมการพิเศษแผนกตรวจสำนวนแปลวินัยปิฎก ฉบับ พ.ศ.2500 ของคณะสงฆ์ และ พ.ศ.2498 ได้ไปร่วมประชุมฉัฏฐสังคีติ ณ สหภาพพม่า พ.ศ.2500 ท่านได้เป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาบาลี ที่มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในปีต่อมาได้เลื่อนเป็นหัวหน้าแผนกบาลีธรรม และเป็นอาจารย์สอนพระสูตร และประธานหัวหน้าแผนกคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ.2502 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยอธิการบดี และหัวหน้าแผนกธรรมวิจัย ของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ.2507 ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 9 (เขตปกครองจังหวัด ขอนแก่น, มหาสารคาม, กาฬสินธุ์, ร้อยเอ็ด) พ.ศ.2508 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 9 และเป็นเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช พ.ศ.2514 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ พ.ศ.2516 ได้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม พ.ศ.2532 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2501 เป็นราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระเมธีสุทธิพงศ์ พ.ศ.2505 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชวิสุทธิเมธี พ.ศ.2507 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพคุณาภรณ์ พ.ศ.2514 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมคุณาภรณ์ พ.ศ.2516 ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระพรหมคุณาภรณ์ พ.ศ.2533 ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวสำหรับปฏิปทาของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ท่านนั้นมีเมตตาธรรมนำหน้า ยิ้มรับแขกอยู่เสมอ พร้อมที่จะให้ข้อคิดข้อธรรมอันเป็นประโยชน์ต่อการครองเรือนหรือการประพฤติ ปฏิบัติแก่คนทั่วไปเสมอ มักปรากฏทุกครั้งหากใครเยือนวัดสระเกศจะได้ยินเสียงเทศน์ที่ลึกล้ำนำสมัยและ กินใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระอาการประชวร และเสด็จเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2545 ทำให้เข้าร่วมงานพระศาสนาไม่สะดวก ดังนั้น มหาเถรสมาคม จึงได้แต่งตั้งให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ในต้นปี พ.ศ.2547 แม้ภายหลังการแต่งตั้งนั้นได้สิ้นสุดลง เพราะครบระยะเวลาที่กำหนด ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อบริหารกิจการคณะสงฆ์แทน โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ในฐานะมีอาวุโสสูงสุด เป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในวาระกาลอันเป็นสำคัญยิ่งนี้ วันที่ 11 มกราคม 2552 คณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมจัดงานบำเพ็ญกุศลฉลองอายุวัฒนมงคล 81 ปี สมเด็จพระพุฒาจารย์ ณ วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 07.00-10.00 น. คณะศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป เข้าถวายสักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ ณ ตำหนักสมเด็จ เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล ณ พระอุโบสถวัดสระเกศ ช่วงบ่ายจัดพิธีสวดพระพุทธมนต์อุทิศถวายบูรพาจารย์และอดีตเจ้าอาวาส เจริญพระพุทธมนต์ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร และเปิดโอกาสให้พระเถรานุเถระ ศิษยานุศิษย์ ถวายน้ำสรงเจ้าประคุณสมเด็จฯ ถือเป็นมงคลอย่างยิ่ง 81 ปีของสมเด็จพระพุฒาจารย์ จึงถือเป็นหลักไมล์สำคัญบนเส้นทางสายธรรมโดยแท้ เป็น 81 ปีแห่งความจงรักภักดีต่อพระพุทธองค์ พระธรรมวินัย และครูบาอาจารย์ ทั้งเป็นต้นแบบให้กับพระภิกษุสามเณรรุ่นหลัง ได้ย่ำเดินตามรอยธรรมที่ท่านดำเนินไว้ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดสระเกศ) อยู่ริมคลองมหานาคและคลองรอบกรุง ใกล้สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เป็นวัดโบราญในสมัยอยุธยา เดิมเรียกว่า วัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนานเมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามา ปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. ๒๓๒๕