พระอู่ทองฐานสำเภา พระกรุวัดราชบูรณะ อยุธยา เนื้อดิน

รายละเอียดสินค้า

พระอู่ทองฐานสำเภา พระกรุวัดราชบูรณะ อยุธยา เนื้อดิน พระกรุวัดราชบูรณะ อยุธยา เป็นกรุที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ได้มีการขุดข้นพบวัตถุโบราณมากมาย เนื้อดินและพระเครื่องเนื้อชินเงินอีกมากมายหลายพิมพ์ ปัจจุบันพระเครื่องและวัตถุโบราณจัดแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา พระนครศรีอยุธยา เริ่มการเกิดของพระเจ้าอู่ทอง ความจริงท่านเกิดแล้วแต่ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้ใกล้จะรู้เรื่องแล้วมาว่ากันตามเรื่องของนิทานต่อไป ตอนนี้เมืองอู่ทองเงียบเหงาลงมาก เพราะมีเมืองพระญาติขนาบหน้า และหลัง เป็นกลุ่มร่วมกับเมืองลพบุรีตามเดิม เป็นเมืองสงบ กษัตริย์เมืองอู่ทองสืบราชสมบัติมาถึงรัชกาลที่ ๓ มีแต่พระราชธิดาไม่มีพระราชโอรส พระราชธิดาของพระองค์ซึ่งอภิเษกกับ เจ้าราม รัชทายาทเมืองเทพนครชัยศิริ (เจ้าราม นี่คือ พระเจ้าอู่ทอง อยุธยา) เมื่อ พ.ศ. ๑๘๗๖ ขณะนั้น เจ้าราม มีอายุได้ ๒๐ พรรษา (หญิงคนนี้เป็นน้องสาวขุนหลวงพะงั่ว วงศ์ชัยนารายณ์ เจ้ารามเป็นคนตระกูลเวียงชัยปราการ) ตอนนี้ต้องพยายามจำเวียงให้ดีจะได้ทราบว่า กษัตริย์อยุธยานั้นความจริงเป็นวงศ์เชียงแสนเกือบทั้งหมด เมื่อพระเจ้าอู่ทอง (พ่อตา) สวรรคตแล้ว เจ้าราม ก็ได้ครองเมืองอู่ทอง ประมาณปี พ.ศ. ๑๘๗๘ เมื่อครองเมืองแล้วก็มีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้ารามราชา หรือตามที่ประชาชนคือชาวบ้านชอบเรียกว่า พระเจ้าอู่ทอง มีโอรสเกิดร่วมกับมเหสี องค์หนึ่งภายหลังปรากฏพระนามว่า พระรา เมศวร พระราเมศวรประสูติเมื่อ พ.ศ. ๑๘๗๗ (เรื่อง พ.ศ.นี้ไม่ขอยืนยันว่าตรง) ใกล้หนีห่าเข้าเมืองอยุธยา พระเจ้ารามราชา เสวยราชสมบัติอยู่ที่เมืองอู่ทอง ประมาณ ๑๐ ปี สมเด็จพระเอกาทศรถสวรรคต เมื่อ พ.ศ. ๑๘๘๖ ทรงเสวยราชย์ได้ประมาณ ๒๕ ปี คณะราชการจึงอัญเชิญ พระเจ้ารามราชา มาครองราชสมบัติที่เมืองเทพนครชัยศิริ ตอนนั้นพระเจ้ารามราชา มีพระชนมายุประมาณ ๓๐ พรรษา บรรดาพราหมณ์ และใครต่อใครขี้เกียจพรรณนาก็ขอให้มีชื่อใหม่ให้สมศักดิ์ศรีกับที่เป็นเมืองเอกชื่อใหม่มีว่า สมเด็จพระรามาธิบดี เสวยราชย์ที่เมืองนี้ประมาณ พ.ศ. ๑๘๘๗ ชัยปราการ (ชก.) ขุนหลวงพะงั่วครองอู่ทอง (ชร.) ทรงโปรดให้ ขุนหลวงพะงั่ว ที่พระมเหสีไปครองเมืองอู่ทอง เดิมท่านพะงั่วครองเมืองสองพันบุรี ต่อมาไม่นานนักเมืองอู่ทองน้ำไม่พอใช้เพราะแม่น้ำเปลี่ยนสายน้ำมาไหลทางแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำจระเข้สามพันไม่มีน้ำ ประกอบกับเวลานั้นอหิวาตกโรคก็ระบาด ท่านแสวงหาที่ตั้งเมืองเพื่อความเหมาะสม จึงย้ายมาอยู่ที่เมืองสองพันบุรี (สุพรรณบุรี) ตามเดิมชื่อ พ.ศ. ๑๘๙๐ พระเจ้าอู่ทองย้ายมาอยู่อยุธยา ที่เมืองอยุธยาเดิมเรียกว่า เสนาราชนคร (เดี๋ยวนี้ยังมีอำเภอเสนา หลงอยู่หนึ่งอำเภอสมัยก่อนอำเภอเสนามี ๓ แห่ง คือ เสนาใหญ่ เสนากลาง เสนาเล็ก) พระญาติผู้ใหญ่ของพระเจ้าอู่ทอง (ลำดับเป็นพระเจ้าตา) สวรรคต ท่านครองเมืองเสนาอยู่ เมืองนี้เป็นเมืองท่าของแคว้นละโว้ พระเจ้าอู่ทอง ทรงเห็นว่าถ้าสร้างเมืองใหม่ตรงนี้เหมาะจึงสร้างเมืองตรงนั้น ตรงที่ตั้งเมืองอยุธยาปัจจุบันรอยเชื่อมระหว่างสุโขทัย อู่ทอง อยุธยา ก็ยุติเพียงเท่านี้ ต่อไปก็เอาเกษียณตอนที่ควรจำมาเขียนย่อสั้นตามที่เขียนมาเพื่อประโยชน์แก่เด็กนักเรียนที่เริ่มเรียน ที่นำมาลงไว้ที่นี้คงไม่ครบทุกอย่าง เอาเฉพาะบางตอนที่เห็นว่าสำคัญพอควรมาช่วยความจำเล็กน้อยเท่านั้น และก็ไม่ได้บันทึกไว้เอง คัดลอกเอามาจากหนังสือความรู้รอบตัวของกองวิชาการ เกษมบรรณกิจ ต้องขอขอบคุณท่านเจ้าของหนังสือที่ให้ยืมมาคัดลอก และขอบคุณสำนักพิมพ์เกษมบรรณกิจที่ท่านกรุณาจัดทำไว้ดีมาก (ไม่ได้รับจ้างโฆษณาให้ พูดตรงไปตรงมาตามความเป็นจริงเท่านั้น)