หมวดหมู่สินค้า
พระเครื่องพระนางพญาเสน่ห์จันทร์ แตกกรุปี พ.ศ.2502 'วัดตาเถรขึงหนัง' เนื้อดินเผา
ยี่ห้อ :
พระนางพญาเสน่ห์จันทร์ แตกกรุปี พ.ศ.2502 "วัดตาเถรขึงหนัง" เนื้อดินเผา
สภาพสินค้า :
สินค้ามือสอง
ราคา :
180,000.00
บาท
วันที่เริ่ม :
7 มี.ค. 2553 16:52:46
วันที่อัพเดท :
15 ก.ย. 2553 17:40:42
ip :
125.24.106.xx
ข้อมูลร้าน
ร้าน :
ชื่อผู้ขาย :
-
จังหวัด :
-
จำนวนสินค้า :
0 ชิ้น
คนเข้าชม :
-
อัพเดทร้าน :
-
เปิดร้าน :
-
รายละเอียดสินค้า
พระนางพญาเสน่ห์จันทร์
ความจริงแล้วที่สุโขทัยนี้นับว่ายังมีพระเครื่องพิมพ์สำคัญๆ อยู่อีกมากองค์ทีเดียว อย่างเช่น
พระลีลาวัดถ้ำ***บ พระร่วงนั่งกรุน้ำ พระวัดทัพเข้า พระวัดป่ามะม่วง พระร่วงตีนโด่ พระกรุแม่ย่า
หรือแม้กระทั่ง พระพิมพ์บัว 2 ชั้น ซึ่งมีทั้งชนิดขนาดใหญ่ กลางและเล็กนั้น
ถ้ามองในด้านความเหมาะสมแก่การขึ้นคอรวมทั้งพระพุทธคุณที่ดีเยี่ยมแล้ว ก็เห็นจะต้องยกให้กับ
'พระนางพญาเสน่ห์จันทน์' ยอดพระเครื่องเนื้อดินเผา
อีกพิมพ์หนึ่งที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานนี้เป็นแน่
เรื่องราวพระเครื่องที่ว่านี้เป็นอย่างไรก็จะเห็นจะต้องนำท่านไปสู่เป้าหมายของเรื่องได้แล้วครับ
'ชื่อวัด' ที่พัฒนามาแต่โบราณ
ท่านนักเลงพระบางท่านคงจะจำกันได้ว่า เมื่อพ.ศ.2502 นั้น
กรมศิลปากรได้ทำการบูรณะโบราณสถานที่จังหวัดสุโขทัยเป็นการใหญ่
โบราณสถานอันเก่าแก่หลายแห่งได้ถูกค้นพบพระพุทธรูปและพระเครื่องบรรจุกรุไว้มากมาย โดยเฉพาะที่วัด
'ตาเถรขึงหนัง' หรือ 'วัดศรีพิจิตรฯ' นั้น
เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้พบกรุพระเครื่องที่ยิ่งใหญ่อีดกรุหนึ่ง
อันเป็นที่มาของพระพิมพ์นางพญาเสน่ห์จันทน์ ซึ่งผมจะได้กล่าวถึงต่อไป
และก่อนที่ท่านจะได้รู้ว่าพระกรุนี้มีอะไรบ้างนั้น
หลายท่านทีเดียวอาจจะสงสัยว่าทำไมชื่อวัดมีตั้งเยอะแยะ แต่ไหงจึงมาเรียกว่า 'วัดตาเถรขึงหนัง'
กันเช่นนี้ และที่เรียก 'วัดศรีพิจิตรฯ' ก็มี ว่ากันให้ยุ่ง 2 ชื่ออย่างนี้ผมเองก็สงสัยอยู่
แต่ก็ขอเดาไว้ก่อนดังนี้ครับ
คำว่า 'วัดตาเถรขึงหนัง' ชาวบ้านเขาเรียกกันมาแต่โบราณกาลแล้ว ใครเป็นผู้ตั้งไว้ไม่ทราบ
จะให้เดาก็ใช่ที่ แต่มีคนเล่ากันต่อๆ มาว่า
วัดร้างเก่าแก่ที่กรมศิลปากรไปบูรณะขุดพบพระนางพญาเสน่ห์จันทน์เข้านี้
เมื่อสมัยโน้นเขาว่าประดาตาเถรทั้งหลายมักจะชอบมานั่งชุมนุมสัมมนากันอยู่ที่วัดนี้เสมอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตาเถรรกลุ่มนี้แกคงอยู่ไม่สุข
คงชอบขึงหนังทำกลองตากแห้งอยู่เสมอชาวบ้านก็เลยเรียกกันว่า 'วัดตาเถรขึงหนัง' ตั้งแต่นั้นมา
เรื่องของการเรียกชื่อวัด มาตั้งแต่ครั้งโบราณนั้น ต่างเรียกกันแปลกๆ อยู่
และถ้าลงเรียกแล้วชื่อดังกล่าวก็มักจะเป็นเรื่องจริงที่ปรากฏขึ้นกับวัดมาก่อนด้วย อย่างเช่น
'วัดลิงขบ' ที่ธนบุรี วัดนี้เมื่อก่อนนั้นเขาเล่าว่า มีลิงมากอยู่
แถมยังดุเอาการด้วยชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า 'วัดลิงขบ' เช่นนี้
เหมือนกับจะเป็นการเตือนภัยให้รู้ไว้ก่อนกระนั้น เรื่องชื่อวัดฟังแปลกๆ
นี้แม้แต่ที่จังหวัดกำแพงเพชรเขาก็มี 'วัดตาเถรขี่เกวียน' เหมือนกัน เรื่องก็มาลงเอาว่า
วัดนั้นกลุ่มตาเถรทั้งหลายคงจะชอบขี่เกวียนกันมากกว่านั่งหลังควายก็ว่าได้
ชาวบ้านจึงพากันเรียกไว้เช่นนั้น พูดถึงเรื่องตาเถรมากไปก็ดูจะไม่เหมาะเพราะเรื่องออกจะเริ่มยาวไป
อีกหน่อยก็ต้องมาลงที่ยายชีอีกเป็นแน่ กลับมาเรื่องของเราต่อไปดีกว่า ความจริงแล้ว คำว่า'วัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม' นั้นเขาเรียกกันเป็นทางการมาก่อนคำว่า
'วัดตาเถรขึงหนัง' เสียอีก เมื่อเดิมทีผู้เขียนก็เข้าใจว่าวัด 'ศรีพิจิตรฯ'
นี้เขาคงมาเรียกชื่อกันใหม่ในสมัยนี้ เพราะอาจรำคาญชื่อ 'วัดตาเถรขึงหนัง' มากกว่า
แต่ก็หาใช่เช่นนั้นไม่ชื่อ 'วัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม'
นี้กลับเรียกกันเป็นทางการมาตั้งแต่ครั้งสร้างวัดเสร็จใหม่ๆ ตั้งแต่เมื่อพ.ศ.1946
ของสมัยโน้นกันแล้วครับ!
พระ 'นางพญาเสน่ห์จันทน์' เผยโฉม!
การบูรณะโบราณสถานเมื่อ พ.ศ.2502 ที่ 'วัดตาเถรขึงหนัง' นั้น
เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ขุดพบกรุพระเข้าโดยบังเอิญ และได้สร้างความมหัศจรรย์แก่ผู้อยู่ ณ
ที่นั้นยิ่งนัก เพราะเมื่อกรุนั้นถูกเปิดออก หลายคนทีเดียวก็ต้องถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่
ด้วยปรากฏว่าภายในกรุ ได้มีกลิ่นหอมอย่างประหลาดโชยอบอวลหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณนั้น
(เข้าใจว่าก่อนปิดกรุเมื่อสมัยนั้นคงประพรมน้ำอบแป้งหอมกระแจะจันทน์ไว้อย่างมาก
กลิ่นนั้นจึงได้อบอวลจนกระทั่งจนปัจจุบัน) จากกลิ่นจรุงใจนี้เอง
ยังได้รวมทั้งพระเครื่องที่พบครั้งนั้นก็พลอยมีกลิ่นหอมไปทุกองค์ด้วย
แหละก็ด้วยเหตุนี้กระมัง พระพิมพ์หนึ่ง ซึ่งงามประทับใจที่สุดของกรุนี้ จึงได้ถูกขนานนามต่อมาว่า
'พระนางพญาเสน่ห์จันทน์' ซึ่งเป็นพระเครื่องศิลปะสุโขทัยที่งดงามมากอีกพิมพ์หนึ่ง
โดยบัดนี้ได้เป็นของหายากและแพงไปแล้ว
พระเครื่องซึ่งพบจากกรุวัดตาเถรขึงหนังครั้งนั้น นอกจากพระนางพญาเสน่ห์จันทน์
ซึ่งมีลักษณะสามเหลียมหน้าจั่ว สูงประมาณ 3.2 ซ.ม. พระกว้าง 2.5 ซ.ม. นั้น
เป็นพระเนื้อดินเผาได้ขึ้นจากกรุมาหลายร้อยองค์แล้ว นอกจากนั้นปรากฏว่ามีพิมพ์พระเชตุพน พระเปิดโลก
และพระแผงอีกหลายแบบได้รวมอยู่ในกรุนี้ด้วย
ส่วนคำว่า 'นางพญาเสน่ห์จันทน์' เราก็พอจะเดาได้ว่า
คงเอาประสบการณ์วันเปิดกรุมาเป็นชื่อของพระซึ่งมีกลิ่นหอมที่โชยมานั้นก็ว่าได้
แต่ที่เรียกพระพิมพ์นี้เป็นพระ 'นางพญา'
นั้นก็เพราะเป็นพระนั่งที่มีลักษณะสามเหลี่ยมซึ่งจัดอยู่ในสกุลพระ 'นางพญา'
อีกองค์หนึ่งนั่นเอง ส่วนองค์ต้นสกุลก็คือ 'พระนางพญา' กรุวัดนางพญาที่จังหวัดพิษณุโลก
พุทธลักษณะ สี และการตัดปีกข้าง
พระเครื่องพิมพ์ 'นางพญาเสน่ห์จันทน์' พุทธลักษณะเป็นพระปางมารวิชัย นั่งขัดราบบนฐานเขียง
อยู่ภายในกรอบสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ลักษณะองค์พระค่อนข้างอวบอัด พระพักตร์ป้อมด้วยศิลปะแบบสุโขทัย
รายละเอียดต่างๆ จะปรากฏอยู่กับพิมพ์นี้ไว้อย่างอลังการเต็มอิ่มและเพียบพร้อมด้วยอารมณ์ทีเดียว
'พระนางพญาเสน่ห์จันทน์' พระเครื่องซึ่งมีชื่ออันไพเราะประทับใจดังกล่าวนี้
จะมีแต่ชนิดที่สร้างเป็นเนื้อดินผสมว่านกับผงเกสรหอมเท่านั้น
เนื้อค่อนข้างร่วนแก่ดินซึ่งมีทั้งกรวดทรายผสมอยู่ก็มาก (พระพิมพ์นี้จึงหักง่าย)
พระบางองค์ยังมีคราบรักน้ำเกลี้ยงกับชาดทาทับไม้ไว้ก็มี สำหรับคราบที่ติดผิว
(หมายถึงพระเครื่องที่ยังไม่ได้ผ่านการใช้) จะปรากฏฝ้าขาวนวลจับอยู่ตามซอกทั่วไปเกือบทุกองค์
และที่ด้านหลังขององค์พระส่วนมากจะมีลายมือประทับติดอยู่ด้วย
สำหรับสีของนางพญาเสน่ห์จันทน์ จะมีแต่เฉพาะสีเหลือง สีแดง สีเขียว และสีอมดำ เท่านั้น
ส่วนขนาดกว้างยาวของพิมพ์นี้จะมีทั้งชนิดใหญ่และเล็ก
ซึ่งความจริงแล้วองค์พระนางพญาเสน่ห์จันทน์จะมีขนาดเดียว
การที่เป็นชนิดใหญ่และเล็กนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดปลีกให้กว้างจนดูใหญ่
หรือตัดปีกชิดจนดูเล็กไปเท่านั้นเอง แต่ถ้าดูองค์พระแล้วจะเท่ากันหมดทุกองค์ ในปี พ.ศ.2502
กรมศิลปากรได้เปิดกรุวัดพิจิตรฯ สุโขทัย ให้ประชาชนเช่าบูชาด้วยราคาถึงองค์ละ 60 บาท
(ระยะเวลานั้นนับว่าเป็นราคาที่แพงมาก)
ปัจจุบันนี้พระนางพญาเสน่ห์จันทน์ หาใช่พระราคาถูกอย่างแต่ก่อนนั้นแล้วก็หาไม่
และนี่ก็คือหนึ่งในพระยอดนิยมของเมืองสุโขทัยอีกพิมพ์หนึ่ง
ที่งดงามบริสุทธิ์และอิ่มในศิลปแบบสุโขทัยอย่างประทับใจแก่ผู้พบเห็นอยู่มิลืมเลือน