ไวรัสซิกาอันตรายอย่างไร
1. ไวรัสซิก้ามียุงเป็นพาหะ ไม่สามารถติดต่อถึงกันระหว่างมนุษย์ได้
2. ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัด คือมีอาการไข้ ปวดศีรษะ และปวดข้อ ซึ่งอาจรวมถึงอาการผื่นผิวหนัง
และเยื่อตาขาวอักเสบหรือตาแดงด้วย
3. ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
4. อาการจะปรากฏหลังผู้ป่วยได้รับเชื้อภายใน 3-12 วัน
5. เชื้อไวรัสซิกาส่งผลตรงต่อระบบสมอง โดยเฉพาะเด็กในครรภ์ โตช้า แคระแกร็น สมองเล็กไม่ปกติ
6. ร้อยละ 80 ของผู้ได้รับเชื้อจะไม่แสดงอาการ ขณะที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ
หนูน้อยชาวบราซิล เกิดจากมารดาที่ได้รับเซื้อไวรัสซิกาขณะตั้งครรภ์ ส่งผลให้สมองเล็กกว่าปกติ
![](http://www.ssfile1.com/uppic/2017/04/14/58f0a54d2db6e.jpg)
ป้องกันการระบาดของไวรัสซิกาได้ไม่ยาก
1. เก็บบ้านให้สะอาดเรียบร้อย ปลอดโปร่ง ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง
2. เก็บขยะ เศษภาชนะ รอบๆบ้าน ทั้งใบไม้ กล่องโฟม จานรองกระถางต้นไม้ ต้องเก็บกวาด ฝัง เผา หรือทำลาย และ
3. เก็บน้ำ ต้องปิดฝาให้มิดชิดป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ เพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในบริเวณครัวเรือน โรงเรียน เขตก่อสร้าง สถานีขนส่ง และหอพักรอบมหาวิทยาลัย เป็นต้น โดยให้ดำเนินการอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ส่วนผู้เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาด รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ในประเทศไทย มีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง หรือปวดข้อ สามารถมารับการรักษาและปรึกษาได้ที่คลินิกเวชศาสตร์การท่องเที่ยวและการเดินทาง สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team
ขอบคุณข้อมูล : www.hindustantimes.com
ขอบคุณข้อมูล : ฝ่ายอาโบไวรัส สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
แท็ก : อันตรายของไวรัสซิกา, อาการติดเชื้อไวรัสซิกา, ไวรัสซิกา
คลิกรูปภาพ กดสั่งซื้อบนเวปได้เลยจร้า...