หมวดหมู่สินค้า
พระเครื่องพระโชว์.......พระพุทธรูปงาแกะสลัก พระโชว์........พระพุทธรูปงาแกะสลักเชียงแสน สิงห์หนึ่ง ปางมารวิชัย
ยี่ห้อ :
พระโชว์.......พระพุทธรูปงาแกะสลัก พระโชว์........พระพุทธรูปงาแกะสลักเชียงแสน สิงห์หนึ่ง ปางมารวิชัย
สภาพสินค้า :
สินค้ามือสอง
ราคา :
0.00
บาท
วันที่เริ่ม :
13 ก.ย. 2552 00:37:14
วันที่อัพเดท :
15 ก.ย. 2553 17:41:17
ip :
125.24.1xx.1xx
ข้อมูลร้าน
ร้าน :
ชื่อผู้ขาย :
-
จังหวัด :
-
จำนวนสินค้า :
0 ชิ้น
คนเข้าชม :
-
อัพเดทร้าน :
-
เปิดร้าน :
-
รายละเอียดสินค้า
พระโชว์.......พระพุทธรูปงาแกะสลัก พระโชว์........พระพุทธรูปงาแกะสลักเชียงแสน สิงห์หนึ่ง ปางมารวิชัย หน้าตัก 3 นิ้ว ยุดต้นศตวรรษที่17-19
พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ได้ถือกำเนิดขึ้นทางภาคเหนือของประเทศไทย คือที่เมืองเชียงแสนเก่า (ปัจจุบันเป็นอำเภาหนึ่งในจังหวัดเชียงราย) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับอาณาจักรลาว ได้มีการพบพระพุทธรูปที่เชียงแสนมากที่สุด จึงได้มีนามว่า พระพุทธรูปเชียงแสน ซึ่งได้ถือเอานามนี้ อันมีนิมิตหมายถึง ความรุ่งเรืองมั่งคั่งด้วยโภคทรัพย์ ประกอบกับพระพุทธรูปยังมีความงดงามเป็นยอดแบบหนึ่งของช่างสกุลไทยแต่โบราณอีกด้วย พระพุทธรูปเชียงแสน ได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทธรูปอินเดียแบบปาละ (ช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 - 16) โดยได้รับอิทธิพลโดยตรง หรือผ่านมาทาง พม่า - ชวา โดยการติดต่อค้าขาย ยังไม่เป็นที่แน่ชัด
นักวิชาการบางกลุ่มอ้างว่า พระบูชาสมัยเชียงแสนได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทณรูปอินเดียแบบคุปตะ ซึ่งเป็นยุคเดียวกับสมัยศรีวิชัยในเกาะชวา อันเป็นประเทศอินโดนีเซีย โดยพระพุทธรูปในยุคคุปตะ ส่วนมากจะทำด้วยศิลาจึงไม่สามารถที่จะแสดงออกถึงความนุ่มนวลอ่อนไหวของศิลปะได้อย่างเต็มท ี่เมื่อเปรียบเทียบกับการปั้นหุ่นขี้ผึ้ง ตามกรรมวิธีการหล่อพระพุทธรูปด้วยโลหะได้
1. ยุคต้น: พระพุทธรูปเชียงแสนในยุคนี้มีพุทธลักษณะที่สำคัญได้แก่ มีพระวรกายอวบอ้วน พระพักตร์กลมสั้นและค่อนข้างพอง พระโอษฐ์เล็ก พระอุระนูน พระรัศมี (เกศ) เป็นรูปบัวตูม ชายจีวรและสังฆาฏิสั้น อยู่เหนือพระถันด้านซ้าย พระพุทธรูปในยุคแรกนี้ล้วนนั่งแบบปางมารวิชัย พร้อมกับขัดสมาธิเพชรทั้งสิ้น ดูมีสง่า นุ่มนวล มิดูเบาลอยดังเช่นพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัย สันนิษฐานว่าอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17 - 19
2. ยุคหลัง: เรียกอีกอย่างว่า เชียงแสน - เชียงใหม่ ส่วนใหญ่มักเรียกกันว่า สิงห์สาม เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในช่วงที่นครพิงค์เชียงใหม่เป็นราชธานี สันนิษฐานว่าอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 - 21 พระพักตร์ยาวรีมากขึ้น พระวรกายดูปราดเปรียวกว่า ไม่อวบอ้วนเหมือนยุคแรก พระรัศมีเป็นเปลวเพลิง การนั่งนิยมนั่งขัดสมาธิราบทั้งสิ้น ชายสังฆาฏิยาวหย่อนลงมาจนถึงพระนาภี
พระพุทธรูปเชียงแสนในยุคหลังนี้ ได้แผ่อิทธิพลไปยังประเทศลาว คือบริเวณเมืองหลวงพระบาง เวียงจันทน์ จนถึงจำปาศักดิ์ โดยฝีมือของช่างบริวณอาณาจักรล้านช้าง หรือประเทศลาวนี้ มีความแข็งกระด้าง และองค์พระบางองค์มีฝีมือในการปั้นแบบสู้ช่างล้านนาไม่ได้
ฐานบัว หน้าตัก 6 นิ้ว พุทธศตวรรษที่ 19-21
พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ได้ถือกำเนิดขึ้นทางภาคเหนือของประเทศไทย คือที่เมืองเชียงแสนเก่า (ปัจจุบันเป็นอำเภาหนึ่งในจังหวัดเชียงราย) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับอาณาจักรลาว ได้มีการพบพระพุทธรูปที่เชียงแสนมากที่สุด จึงได้มีนามว่า พระพุทธรูปเชียงแสน ซึ่งได้ถือเอานามนี้ อันมีนิมิตหมายถึง ความรุ่งเรืองมั่งคั่งด้วยโภคทรัพย์ ประกอบกับพระพุทธรูปยังมีความงดงามเป็นยอดแบบหนึ่งของช่างสกุลไทยแต่โบราณอีกด้วย พระพุทธรูปเชียงแสน ได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทธรูปอินเดียแบบปาละ (ช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 - 16) โดยได้รับอิทธิพลโดยตรง หรือผ่านมาทาง พม่า - ชวา โดยการติดต่อค้าขาย ยังไม่เป็นที่แน่ชัด
นักวิชาการบางกลุ่มอ้างว่า พระบูชาสมัยเชียงแสนได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทณรูปอินเดียแบบคุปตะ ซึ่งเป็นยุคเดียวกับสมัยศรีวิชัยในเกาะชวา อันเป็นประเทศอินโดนีเซีย โดยพระพุทธรูปในยุคคุปตะ ส่วนมากจะทำด้วยศิลาจึงไม่สามารถที่จะแสดงออกถึงความนุ่มนวลอ่อนไหวของศิลปะได้อย่างเต็มท ี่เมื่อเปรียบเทียบกับการปั้นหุ่นขี้ผึ้ง ตามกรรมวิธีการหล่อพระพุทธรูปด้วยโลหะได้
1. ยุคต้น: พระพุทธรูปเชียงแสนในยุคนี้มีพุทธลักษณะที่สำคัญได้แก่ มีพระวรกายอวบอ้วน พระพักตร์กลมสั้นและค่อนข้างพอง พระโอษฐ์เล็ก พระอุระนูน พระรัศมี (เกศ) เป็นรูปบัวตูม ชายจีวรและสังฆาฏิสั้น อยู่เหนือพระถันด้านซ้าย พระพุทธรูปในยุคแรกนี้ล้วนนั่งแบบปางมารวิชัย พร้อมกับขัดสมาธิเพชรทั้งสิ้น ดูมีสง่า นุ่มนวล มิดูเบาลอยดังเช่นพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัย สันนิษฐานว่าอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17 - 19
2. ยุคหลัง: เรียกอีกอย่างว่า เชียงแสน - เชียงใหม่ ส่วนใหญ่มักเรียกกันว่า สิงห์สาม เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในช่วงที่นครพิงค์เชียงใหม่เป็นราชธานี สันนิษฐานว่าอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 - 21 พระพักตร์ยาวรีมากขึ้น พระวรกายดูปราดเปรียวกว่า ไม่อวบอ้วนเหมือนยุคแรก พระรัศมีเป็นเปลวเพลิง การนั่งนิยมนั่งขัดสมาธิราบทั้งสิ้น ชายสังฆาฏิยาวหย่อนลงมาจนถึงพระนาภี
พระพุทธรูปเชียงแสนในยุคหลังนี้ ได้แผ่อิทธิพลไปยังประเทศลาว คือบริเวณเมืองหลวงพระบาง เวียงจันทน์ จนถึงจำปาศักดิ์ โดยฝีมือของช่างบริวณอาณาจักรล้านช้าง หรือประเทศลาวนี้ มีความแข็งกระด้าง และองค์พระบางองค์มีฝีมือในการปั้นแบบสู้ช่างล้านนาไม่ได้