หมวดหมู่สินค้า

พระเครื่อง

โชว์.......Thai Puppets หุ่นกระบอก Hun Krabog คณะนาฏศิลป์ คณะจางวางต่อ ปี2415 พระราชวังบวรสถานมงคล n

โชว์.......Thai Puppets หุ่นกระบอก Hun Krabog คณะนาฏศิลป์ คณะจางวางต่อ ปี2415 พระราชวังบวรสถานมงคล n

ยี่ห้อ :

โชว์.......Thai Puppets หุ่นกระบอก Hun Krabog คณะนาฏศิลป์ คณะจางวางต่อ ปี2415 พระราชวังบวรสถานมงคล n

สภาพสินค้า :

สินค้ามือสอง

ราคา :

0.00

บาท

วันที่เริ่ม :

3 ก.ค. 2553 15:48:51

วันที่อัพเดท :

15 ก.ย. 2553 17:39:16

ip :

58.8.204.xx

ปิดการขายสินค้า

ข้อมูลร้าน

ชื่อผู้ขาย :

-

จังหวัด :

-

จำนวนสินค้า :

0 ชิ้น

คนเข้าชม :

-

อัพเดทร้าน :

-

เปิดร้าน :

-

shop free

รายละเอียดสินค้า

โชว์.......Thai Puppets หุ่นกระบอก Hun Krabog คณะนาฏศิลป์ คณะจางวางต่อ ปี2415 พระราชวังบวรสถานมงคล no.1 Thai Marionette หุ่นกระบอกคณะจางวางต่อ ณ ป้อมเพ็ชร ปีพ.ศ.2514(โดยประมาณ) ในวังของพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดวงประภาและพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุดาสวรรค์ พระธิดากับเจ้าจอมมารดามาลัยในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชวังบวรสถานมงคล เรีบยเรียงประวัติโดยขุนนารถนิกร(ต่าย ณ ป้อมเพ็ชร) จากลาย พระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในหนังสือสาส์นสมเด็จ ทำให้ทราบว่าการละเล่นหุ่นกระบอกนั้น ได้เริ่มขึ้นครั้งแรกราว พ.ศ. ๒๔๓๕ ที่เมืองสุโขทัย โดยนายเหน่ง สุโขทัย ซึ่งเป็นต้นคิด จำแบบอย่างมาจากหุ่นไหหลำ นำมาดัดแปลงเป็นหุ่นแต่งอย่างไทย โดยนายเหน่งได้ใช้เล่นหากินอยู่ที่เมืองสุโขทัยจนมีชื่อเสียง และใน กรุงเทพฯ ในสมัยใกล้เคียงกันนั้น (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๖ ซึ่งอยู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) หม่อมราชวงศ์เถาะ พยัคฆเสนา มหาดเล็กในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ได้คิดสร้างหุ่นอีกแบบหนึ่ง โดยดัดแปลงจากหุ่นที่ท่านได้ไปพบเห็นที่จังหวัดสุโขทัย โดยหุ่นที่หม่อมราชวงศ์เถาะสร้างนี้ เป็นหุ่นที่มีแต่หัวและแขน ส่วนหัวมาถึงลำคอทำด้วยไม้ทองหลางหรือไม้นุ่น มีรายละเอียดเลียนแบบคนจริง ส่วนลำตัวของหุ่นเป็นกระบอกไม้ไผ่เป็นแกนสำหรับจับ ด้านบนเอาหัวหุ่นสวมลงมา ไม่มีขาหุ่น แต่นำผ้าปักลายด้วยดิ้นเงิน ดิ้นทอง เลื่อม แบบเครื่องโขนละครมาทำเป็นเสื้อทรงกระสอบ (ไม่มีแขนเสื้อ) คลุมตั้งแต่คอ ยาวลงมาคลุมกระบอกไม้ไผ่เพื่อบังมือผู้เชิดที่จับกระบอก ต่อมือหุ่นตรงมุมผ้าผืนเดียวกันนั้น ผู้เชิดจะจับแกนไม้ซึ่งต่อกับมือของหุ่น ทำให้เชิดได้ว่องไว หุ่นแบบนี้ในตอนแรกเรียกว่า “หุ่นคุณเถาะ” ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเรียกว่า “หุ่นกระบอก” ความคิดริเริ่มก่อตั้งคณะหุ่นของหม่อมราชวงศ์เถาะ ก่อให้เกิดยุคทองของการเล่นหุ่นชนิดนี้ขึ้น เพราะในสมัยเดียวกัน และต่อมาภายหลังได้มีคณะหุ่นกระบอกเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากและเป็นมหรสพที่นิยม ในหมู่ประชาชนในเวลานั้น การแสดงหุ่นกระบอกไทยนั้น เรื่องที่นิยมเล่นคือ พระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน และลักษณวงศ์ คณะหุ่นที่มีชื่อเสียงในยุคเริ่มแรกได้แก่ หุ่นหม่อมราชวงศ์เถาะ พยัคฆเสนา หุ่นวังหน้า และหุ่นของจางวางต่อ ณ ป้อมเพ็ชร หุ่นกระบอกคณะหม่อม ราชวงศ์เถาะ พยัคฆเสนา ซึ่งถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดหุ่นกระบอกไทยนั้น ได้รับการสืบทอดต่อมาโดยนายเปียก ประเสริฐกุล ผู้เชิดคนสำคัญของคณะ นายเปียกเปิดคณะของตัวเองตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๒ และเล่นเรื่อยมาจนถึงราวปี พ.ศ. ๒๕๐๐ คุณยายชื้น (ประเสริฐกุล) สกุลแก้ว ลูกสาวของนายเปียก ได้สืบทอดคณะหุ่นต่อมา และเปิดการแสดงไปทั่ว เรื่องที่หุ่นกระบอกนิยมแสดงก็คือ เรื่องที่ละครก็นิยมแสดงนั่นเอง หรืออีกนัยหนึ่งเรื่องใดที่นำมาเล่นละครได้ หุ่นกระบอกก็นำมาเล่นได้ ทั้งนี้เว้นแต่เรื่องละครในซึ่งก็มือยู่เพียง 2 เรื่อง คือ 1. อิเหนา 2. อุณรุฑ (ยกเว้นหุ่นของพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าอนุสรศิริประสาธน์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ) ละครในดำเนินเรื่องช้ามีบทร้องและการบรรเลงที่จงใจจะสำแดงความงดงามในการร่ายรำของตัวละครอันไม่เหมาะสมกับหุ่น ซึ่งทำท่าไม่ได้มากและต้องการจะดำเนินเรื่องให้รวดเร็วสนุกสนานอันเป็นลักษณะเฉพาะตัวของหุ่นกระบอก เรื่องและตอนที่หุ่นกระบอกแต่ก่อนนิยมแสดง มีดังนี้ 1. พระอภัยมณี นิยมเล่นตอน 1) หนีผีเสื้อ 2) ศึกเจ้าละมาน 3) ศึกเก้าทัพ (หากมีคนเชิดดี ๆ มากพอที่จะเล่นได้) 4)หลงรูปละเวง 2. ลักษณวงศ์ นิยมเล่นตอน 1) ประหารลักษณวงศ์กับนางสุวรรณอำภา 2) ยุขันพาพราหมณ์เข้าถวายตัว 3) ยี่สุ่นขึ้นหึง - ฆ่าพราหมณ์ 3. คาวี นิยมเล่นตอน 1) สันนุราชชุบตัว - คันธมาลีขึ้นหึง 4. สุวรรณหงส์ นิยมเล่นตอน 1) กุมภณฑ์ถวายม้า 2) ชมเขาเพชร 5. ไชยเชษฐ์ นิยมเล่นตอน 1) ขับนางสุวิญชา 2) นางแมวเย้ยซุ้ม 6. ไกรทอง นิยมเล่นตอน 1) ชาละวันสั่งถ้ำ (คือเมื่อชาละวันคาบนางตะเภาทองลงน้ำ และไกรทองจุดเทียนชนวนลงไปปราบชาละวัน) 2) พ้อล่าง พ้อบน (หรือตะเภาแก้ว ตะเภาทองขึ้นหึงนางวิมาลา) 7. ขุนช้าง-ขุนแผน นิยมเล่นตอน 1) วันทองห้ามทัพ - พระไวยยก (หรือพระไวยแตกทัพ) 2) จับเถรขวาด 3) จับเสน่ห์สร้อยฟ้า 8. วงศ์สวรรค์ - จันทวาส นิยมเล่นตอน 1) ตรีสุริยา - จินดาสมุทร พี่น้องรบกัน 2) จินดาสมุทรหนีแม่ 9. พระปิ่นทอง (แก้วหน้าม้า) นิยมเล่นตอน 1) แก้วหน้าม้าถวายลูก 2) ลูกแก้วหน้าม้า นอกจากนี้ยังมีเรื่องนิทานคำกลอนเรื่องจักร ๆ วงศ์ ๆ ที่ 'โรงพิมพ์วัดเกาะ' พิมพ์ออกจำหน่าย และคนนิยมอ่านกันจึงมีผู้นำมาดัดแปลงสำหรับหุ่นกระบอก หรือบางครั้งลิเกก็นิยมนำไปเล่น เช่น 1. ศรนรินทร์ 2. สุริยัน 3. ลิ้นทอง 4. มาลัยทอง 5. โกมินทร์ เรื่องละคร นอกจากนี้เช่นเรื่อง มณีพิชัย ไชยทัต สังข์ศิลปไชย พระรถ-เมรี มโนห์รา ซึ่งเป็นเรื่องละครที่เล่นกันมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ไม่ปรากฏว่าหุ่นกระบอกนำมาเล่นหรือจะเล่นบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ก็คงจะเป็นที่นิยมน้อยกว่าเรื่องที่ยกมาตั้งแต่ต้น แต่ปรากฏว่าหุ่นใหญ่หรือหุ่นหลวงกลับนิยมเล่นเรื่องละครที่เล่นมาตั้งแต่ ครั้งกรุงเก่าเช่น เรื่องไชยทัต พระรถ - เมรี สังข์ศิลปไชย เป็นต้น ดังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่4 เขียนด้วยช่างภาคกลาง แต่ลงไปเขียนที่วัดมัชฌิมาวาส (วัดกลาง) จังหวัดสงขลา เขียนเป็นรูปการแสดงมหรสพหุ่นแต่เป็นหุ่นมีแขนมีขาเช่นหุ่นใหญ่ มิใช่หุ่นกระบอก เล่นในงานสมโภชพระมหาชนก เป็นหุ่นตัวพระผิวกายขาวกำลังไล่ตามกวางทอง สันนิษฐานว่าเล่นเรื่อง 'ไชยทัต' เมื่อเสด็จพระพาสป่า แล้วยักษ์คือท้าวกุเวรแปลงเป็นกวางทองมาล่อให้พระไชยทัตไล่ตามเพื่อจะจับกิน เป็นภักษาหาร ฯลฯ เรื่องตัวพระตามกวางแล้วไปกลายเป็นยักษ์นี้ นอกจากเรื่องไชยทัตก็มีเรื่องลักษณวงศ์อีกเรื่องหนึ่งแต่เข้าใจว่าเรื่อง vลักษณวงศ์จะนิยมเล่นเป็นหุ่นกระบอกในสมัยต่อมามากกว่าที่จะเล่นเป็นหุ่น ใหญ่ เพราะถึงแม้สุนทรภู่จะแต่งเรื่องลักษณวงศ์ก่อนเรื่องพระอภัยมณี แต่ก็ไม่อาจหาหลักฐานได้ว่าในสมัยของสุนทรภู่เอง เรื่องลักษณวงศ์นี้จะเป็นที่นิยมถึงขนาดเอามาเล่นเป็นหุ่น(ใหญ่)แล้วหรือยัง อย่างไรก็ตามเรื่องลักษณวงศ์ที่นิยมนำมาเล่นเป็นหุ่นกระบอกนี้ นอกจากสำนวนกลอนของสุนทรภู่ที่แต่งตั้งแต่ต้นไปจนทำศพพราหมณ์เกสรแล้ว ยังมีอีก 2 สำนวนแต่งเป็นกลอนบทละคร สำนวนหนึ่งไม่ทราบว่าผู้ใดแต่งและแต่งเมื่อใด มีตั้งแต่ต้นไปจนถึงชั้นลูกของลักษณวงศ์ และนางเกสร สำนวนที่ 2 แต่งโดย ขุนจบพลรักษ์ (ทิม สุขยางค์) ผู้แต่งบทละครให้แก่ละครของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง ในสมัยรัชกาลที่ 5 บทละครเรื่องลักษณวงศ์สำนวนขุนจบพลรักษ์นี้แต่งตั้งแต่ต้นจนถึงชั้นลูกของ ลักษณวงศ์และนางเกสรเช่นเดียวกัน เว้นแต่ตอนยุขันพาพราหมณ์เข้าเฝ้าถึงยี่สุ่นขื้นหึง จนกระทั่งฆ่าพราหมณ์เกสร ขุนจบฯเว้นเสียไม่แต่งเอาไว้เข้าใจว่ากลอนบทละครสำนวนเก่าอันเดิมในตอนนี้ อันเป็นตอนที่ละคร และหุ่นกระบอกนิยมเอามาเล่น คงจะเป็นที่นิยมคุ้นเคยของคนทั่วไปอยู่แล้ว เรื่องลักษณวงศ์ตอนที่หุ่นกระบอกนิยมเล่นกันมาก ก็เห็นจะเป็นโดยใช้สำนวนกลอนบทละครของเก่าที่ไม่ทราบผู้แต่งนี้ปนกับบทกลอน ของสุนทรภู่บางตอน เรื่องที่นิยมเล่นเป็นหุ่นกระบอกมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งก็เห็นจะได้แก่เรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่เพราะบทกลอนเรื่องพระอภัยมณี เป็นเรื่องที่ติดอกติดใจของคนทั่วไป ทั้งเนื้อเรื่องก็รวดเร็วทันอกทันใจคนดูเหมาะแก่การนำมาแสดงเป็นหุ่นกระบอก นิทานคำกลอนของสุนทรภู่ทุกเรื่อง เช่น เรื่องลักษณวงศ์ สิงหไกรภพ พระอภัยมณี ขึ้นบทกลอนด้วยตัวละครทันทีเลยทีเดียว เช่น บทกลอนจากเรื่องพระอภัยมณีที่ว่า 'ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม ปลอบประโลมลูกชายฉะผายผัน จึงหยิบปี่ที่เป่าเมื่อคราวนั้น เอาผ้าพันผูกดีแล้วลีลาฯ' หรือบทกลอนจากลักษณวงศ์ที่ว่า 'ปางเยาวยอดยี่สุ่นมเหสี แสนทวีทุกข์ทนกมลไหม้ พงศ์กระษัตริย์ภัสดาไม่อาลัย ตั้งแต่ได้พราหมณ์มาก็ราโรย ฯ' ทั้งนี้กลอนของสุนทรภู่ไม่ขึ้นต้นว่า 'เมื่อนั้น' หรือ 'บัดนี้'ไม่มีการชมรถ ชมม้า ชมช้างหรือการอาบน้ำลงสรงแต่งตัวของตัวละครให้ยืดเยื้อจึงเป็นการถูกใจ 'ตลาด'ในยุคนั้นเป็นอย่างยิ่ง นอกจากบทกลอนและบทละครที่กล่าวมาแล้ว บางครั้งเจ้าของคณะหุ่นก็แต่งบทสำหรับเล่นหุ่นขึ้นเองโดยเฉพาะ เช่น บทหุ่นกระบอกเรื่อง 'สิงห์สุริยวงศ์' ที่พระราชวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุทัศน์นิภาธร ทรงนิพนธ์เอาไว้สำหรับเล่นหุ่นของพระองค์เอง เป็นต้น หุ่นเล่นเรื่องรามเกียรติ์ เรื่องรามเกียรติ์ เป็นเรื่องที่ใช้เล่นโขน แต่หุ่นกระบอกทุกคณะแต่ก่อนกี่นิยมเล่นเรื่องรามเกียรติ์เช่นกัน ดังจะเห็นได้จากศีรษะหุ่นกระบอกของทุกคณะที่ยังเหลือให้เห็นอยู่ในปัจจุบันจะมีศีรษะยักษ์ ลิง และตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์อยู่ครบครัน ตัวเอกบางตัวมีถึง 2 ศีรษะ เช่นคณะหุ่นจางวางต่อ ณ ป้อมเพชร มีหัวหนุมาน 2 หัว มีหัวทศกัณฐ์ทั้งหน้าเขียวและหน้าทองอย่างละหัว นอกจากนี้ก็ยังมีหัวสหัสเดชะ หัวสัทธาสูร พระราม - พระลักษณ์หน้าทอง และหัวลิงยอด -ลิงโล้น ยักษ์ยอด - ยักษ์โล้นอีกมากมาย หุ่นคณะจางวางทั่วพาทยโกศล เป็นอีกคณะหนึ่งที่มีหัวหุ่นเรื่องรามเกียรติ์อยู่ทั้งชุดรวมทั้งเสื้อหุ่นที่ปักดิ้นเลื่อมเป็นลายก้นหอยสำหรับหุ่นตัวลิง โดยเฉพาะอีกหลายตัวด้วยศีรษะหุ่นกระบอกที่เป็นสมบัติของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อันไม่ปรากฏที่มาว่าเป็นของคณะใด ก็มีเรื่องรามเกียรติ์ทั้งหัวยักษ์ หัวลิงอยู่หนึ่งตู้ใหญ่ มีทศกัณฐ์หน้าทอง ไมยราพณ์ สุครีพ นิลพัท ฯลฯ นับว่าเป็นศีรษะหุ่นที่สวยงามสร้างด้วยฝีมือช่างที่สูงมากชุดหนึ่ง นอกจากนี้คณะหุ่นที่ไม่ปรากฏศีรษะหุ่นหลงเหลืออยู่เช่น หุ่นพระองค์สุทัศน์ฯ หุ่นนายเบี้ยว หุ่นนายวิง ก็ล้วนแต่ได้รับการยืนยันจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้เคยเห็นการแสดงหุ่นกระบอกของคณะเหล่านี้แต่ครั้งกระโน้น ว่าล้วนแสดงเรื่องรามเกียรติ์ได้ทั้งสิ้น ตอนที่นิยมแสดงก็มีดังนี้ 1. ตอนสามทหารยก (พระรามใช้ไห้ ชมพูพาน หนุมาน องคต สืบมรรคาไปลงกา) 2. นางลอย 3. ท้าวมาลีวราชว่าความ 4. สีดาหาย พระรามตามกวาง 5. จองถนน และตอนอื่น ๆ ที่โขนนิยมเล่น ก็เชื่อว่าหุ่นกระบอกนำมาเล่นได้ทั้งสิ้น คณะหุ่นกระบอกที่ไม่แสดงเรื่องรามเกียรติ์มีอยู่คณะเดียว คือคณะนายเปียก ประเสริฐกุล ด้วยนายเปียกถือว่าการแสดงโขนมีเพลงหน้าพาทย์มาก หุ่นกระบอกทำท่าได้ไม่มากเท่าคนจริง ๆทั้งยังต้องใช้คนเชิดเยอะ จึงเว้นการแสดงเรื่องรามเกียรติ์เสีย เล่นแต่เรื่องละครที่มีการดำเนินเรื่องร้องรำรวดเร็วฉับไว ถึงกระนั้นศีรษะหุ่นของคณะนายเปียกแม้จะไม่เล่นเรื่องรามเกียรติ์แต่ก็มีหัวยักษ์ - ลิงอยู่ครบครัน เช่น หัวหนุมานถึง 2 หัว หัวทศกัณฐ์หน้าทอง อินทรชิต สุครีพ องคต และอื่น ๆ อีกมาก การที่หุ่นกระบอกคณะอื่น ๆ แต่ก่อนสามารถเล่นหุ่นกระบอกเรื่องรามเกียรติได้เนื่องจากเจ้าของคณะหุ่น กระบอกต่างก็เป็นผู้มีบรรดาศักดิ์หรือไม่ก็เป็นเจ้านายที่มีฐานะมีบริวาร และมักจะมีโขนละครดนตรีปี่พาทย์อยู่ในครอบครองอยู่แล้ว จึงไม่เป็นการเหลือวิสัยที่จะให้หุ่นกระบอกเล่นเรื่องใหญ่ ๆ เช่นเรื่องรามเกียรติ์ได้ อนึ่งการที่หุ่นเล่นเรื่องรามเกียรติ์ก็คงจะเล่นอย่างที่หุ่นเล่น มิใช่จะเล่นอย่างโขน สิ่งใดที่คนทำไม่ได้แต่หุ่นสามารถจะทำได้สะดวกเพราะหุ่นตัวเล็กการชักรอก เหาะเหินเดินอากาศแผลงอิทธิฤทธิ์อภินิหารตลอดจนการยกทัพรบราต่าง ๆ ที่คนชอบดู หุ่นย่อมมีกลวิธีอันแยบคายที่จะทำสิ่งอัศจรรย์เหล่านี้ได้ ที่มา : 'หุ่นไทย' โดย อาจารย์ จักรพันธุ์ โปษยกฤต คณะหุ่นกระบอกของจางวางต่อ ณ ป้อมเพชร คุณทองคำผู้เป็นภรรยาเป็นผู้ควบคุมดูแลปัจจุบันหุ่นกระบอกชุดนี้ตกทอดเป็น มรดกคุณพศวัต ณ ป้อมเพชร คุณญาตาวี ณ ป้อมเพชร ผู้เป็นเหลนของหลานจางวางต่อ

สินค้าใกล้เคียงในหมวด

พระเครื่อง

ร้านค้าออนไลน์ , ขายของออนไลน์

SiamShop.com ผู้ให้บริการด้าน ร้านค้าออนไลน์ เปิดร้านค้าออนไลน์

โดยทีมงานที่มีประสบการณ์การทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์กว่า 6 ปี
© Copyright 2024 All right reserved. SiamShop.com

ติดต่อเปิดร้านค้าออนไลน์ได้ที่ [email protected]

เวลาทำการ : จ-ศ 8:30-17:30 น.