หมวดสินค้า |
เมนูร้าน |
หน้าแรก สินค้า เว็บบอร์ด ข่าวสารร้าน บทความ วิธีการสั่งซื้อ วิธีชำระเงิน การรับ-ส่งสินค้า ติดต่อเรา เกี่ยวกับเรา |
หน้าแรก | สินค้า | สินค้าใหม่ | สินค้าขายดี | เว็บบอร์ด | บทความ | วิธีชำระเงิน | ติดต่อเรา | เกี่ยวกับเรา |
หมวดสินค้า |
เมนูร้าน |
หน้าแรก สินค้า เว็บบอร์ด ข่าวสารร้าน บทความ วิธีการสั่งซื้อ วิธีชำระเงิน การรับ-ส่งสินค้า ติดต่อเรา เกี่ยวกับเรา |
สินค้าขายดี |
|
ข่าวสารร้าน |
กำเนิดผงชูรส สารปรุงแต่งรสอาหาร ผงชูรสมีที่มาเริ่มจากในปี พ.ศ.2451 ศาสตราจารย์ ดร.คิคุนาเอะ อิเคดะ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล ประเทศญี่ปุ่น ค้นพบว่าผลึกสีน้ำตาลที่สกัดจากสาหร่ายทะเลที่ชื่อว่าคอมบุ คือ กรดกลูตามิก และเมื่อลองชิมพบว่ามีรสใกล้เคียงกับซุปสาหร่ายทะเล ซึ่งเป็นอาหารประจำวันของชาวญี่ปุ่นที่บริโภคกันมาหลายร้อยปี
ผงนัว(ใช้แทนผงชูรส) ผงชูรส เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่เป็นตัวการทำให้เกิดอาการมือสั่น หัวใจเต้นแรง ยิ่งถ้าร่างกายได้รับปริมาณที่มากเกินไปจะมีผลต่อระบบประสาท ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกรณีผงชูรสไหม้ไฟ ทำให้เกิดกระแสเลิกบริโภคผงชูรสไปชั่วขณะ วิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบันที่ต้องฝากท้องไว้กับอาหารถุง อาหารจานเดียว ทำให้โอกาสที่จะหลีกเลี่ยงจึงเป็นไปได้ยาก จะมีพ่อค้าแม่ค้าสักกี่รายที่ไม่ใช้ผงชูรส อีกทั้งอาหารกึ่งสำเร็จรูปทั้งหลาย หรือแม้แต่ขนมกรุบกรอบของเด็กก็ยังหนีไม่พ้น กำเนิดแห่งผงนัว คนอีสานในอดีตนั้นได้รู้จักที่จะนำพืชชนิดต่างมาใช้ในการปรุงอาหาร ซึ่งก็ไม่ได้มีกรรมวิธีซับซ้อนอะไรมากมายนักมีเพียงนำพืชสดๆมามารวมกันแล้วก็ปรุงเป็นอาหารได้เลยซึ่งพืชแต่ละชนิดนอกจากจะให้รสชาติที่แตกต่างกันไปแล้ว ก็ยังเป็นอาหารไปในตัวด้วย พัฒนาการของผงนัวนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อ นายสมพร ถาปันแก้ว ราษฎร บ้านโนนทรายคำ ตำบลนาม่องอำเภอกุดบากจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายอินแปงได้นำเอา “ข้าวเบือ” ซึ่งเป็นเครื่องปรุงชนิดหนึ่งของคนอีสานทำจากข้าวเพียวๆ มาผสมกับพืชหลายชนิดเพื่อใช้ปรุงอาหารในตอนนั้นยังไม่มีชื่อเรียก จากการทดลองของเขา นำไปสู่การพัฒนาสูตรของผงนัว หลากหลายสูตร ในเวลาต่อมาเครือข่ายอินแปงร่วมกับสถาบันวิจัยการเกษตรจังหวัดสกลนคร(คณะทรัพย์ฯมทร.วข.สกลนครในปัจจุบัน)ได้นนำ “แป้งนัว”ชื่อเรียกในสมัยนั้น ไปพัฒนาต่อ จนกลายมาเป็น “ผงนัว”ในปัจจุบัน พืชที่นำมาทำผงนัวได้ก็มีหลายชนิดเช่น ใบผักหวาน, ใบมะรุม, ใบหม่อน, ใบกระเทียม, ใบหอม, ใบมะขาม, ใบกระเจี๊ยบ, ผักโขมทั้งต้น, ใบส้มป่อย, ใบน้อยหน่า, ใบชะมวง, ใบกุยช่าย เลือกใบที่ไม่แก่ไม่อ่อนจนเกินไป โดยผสมผักพื้นบ้านในอัตราส่วนที่ต่างกันไป แต่ที่มีอัตราส่วนปริมาณมากคือผักหวานและใบหม่อน รองลงมาเป็นใบมะรุม และที่ใส่ลงไปน้อยสุดคือใบน้อยหน่า เนื่องจากมีการถ่ายทอดมาว่าใบน้อยหน่ามีพิษ ซึ่งคนสมัยโบราณนำใบน้อยหน้ามาฆ่าเหา แต่อะไรก็แล้วแต่ถ้ามีพิษ และมีรสขมหากใส่แต่น้อยถือว่าเป็นยา ขณะเดียวกันชาวบ้านยังใช้ใบน้อยหน่ามาแกงกินได้ ผงนัวจากงานวิจัยได้มีการทดสอบรสชาติให้เป็นที่น่าพอใจจึงมีด้วยกัน 2 รส คือ รสมันหวาน ใช้สำหรับ ต้ม ผัด หมัก แกงและย่าง และ รสเปรี้ยว ใช้กับต้มยำ ยำ ลาบ อ่อม แจ่ว รสนี้เพิ่มผักที่มีรสเปรี้ยวอย่าง ส้มป่อย ใบมะขาม เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ รสชาติของผงนัวจะเพิ่มรสให้อาหารได้นั้นต้องใส่ในน้ำต้มแกงตอนร้อน แต่ถ้าชิมเปล่าๆ จะไม่มีรสชาติ แต่รู้สึกได้ว่ามีรสปะแล่มๆ คล้ายกับผงชูรสที่ขายตามท้องตลาด การทำผงนัวต้องใช้เวลาทั้งปี เพื่อเก็บใบของผักพื้นบ้านให้ครบทุกชนิด เนื่องจากผักแต่ละชนิดจะมีตามฤดูกาล เช่น ใบหอม ใบกระเทียมจะมีตอนฤดูหนาว ผักหวานต้องรอให้ถึงหน้าฝนจึงจะมีใบ คุณสมบัติของผงนัว ผงนัวนอกจากมีคุณสมบัติเป็นเครื่องปรุงรสแล้ว ยังให้ประโยชน์ด้านสมุนไพร โดยเฉพาะตัวผักพื้นบ้านเองมีวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และจากการศึกษาของสถาบันการแพทย์แผนไทยพบว่า ใบมะขามอ่อน, ยอดส้มป่อย, ผักหวานป่า, ผักหวานบ้าน, ผักโขมและชะมวง อีกทั้งดอกมะรุม มีศักยภาพในการต้านอนุมูลอิสระในระดับที่สูงมาก วิธีการทำผงนัวมีการถ่ายทอดไปสู่ชุมชนมากขึ้น ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์บริโภคกันเองในชุมชน บางที่ผงชูรสถึงกับขายไม่ออก โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเบาหวานนิยมหันมาใช้ผงนัวเยอะขึ้น |
สถิติร้าน |
เปิดร้าน 5 พ.ย. 2553 ปรับปรุง 22 มี.ค. 2554 ผู้ชมทั้งหมด 7,806 สินค้าทั้งหมด 21 |
ตรวจสอบการส่งสินค้า |
|
เกี่ยวกับเรา |
เพื่อนบ้าน |
ร้านค้าออนไลน์ เปิดร้านค้าออนไลน์ |
หน้าแรก | สินค้า | สินค้าใหม่ | สินค้าขายดี | เว็บบอร์ด | บทความ | วิธีชำระเงิน | ติดต่อเรา | เกี่ยวกับเรา |
ร้าน อินแปง โปรดักส์แอนด์ ซีดลิง ( ผงปรุงรส ผงนัว สมุนไพรบำรุงกำลัง ) | ติดต่อเรา By SiamShop.com © Copyright 2004-2024 All right reserved. สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 |